แคลเซี่ยมเสริมสุขภาพ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟัน อีกทั้งป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
วิตามินและแร่ธาตุมีคุณประโยชน์ ดังนี้ 1. วิตามิน ดี3 เสริมประสิทธิภาพในการดูดซึมแคลเซี่ยมให้ดีขึ้น 2. แมกนีเซียม เป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับการเผาผลาญอาหาร ระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เป็นส่วนประกอบของกระดูกและฟัน ป้องกันการเป็นตะคริว 3. วิตามินซี เสริมสร้างผนังหลอดเลือด ช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุ เสริมสร้างเซลล์ให้แข็งแรง 4. สังกะสี เป็นส่วนจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของระบบสืบพันธุ์ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 5. ทองแดง ช่วยในการหายใจของเซลล์ เป็นส่วนสำคัญของการสร้างเนื้อเยื่อ และมีส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตของกระดูก 6. วิตามิน อี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันไม่ให้เซลล์เสื่อมสภาพ ช่วยลดการเกิดโรคหลายชนิดที่เกิดจากเซลล์ถูกทำลาย หน้าที่สำคัญของแคลเซี่ยม 1. เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันความผิดปกติของกระดูก เช่น กระดูกหักง่าย หลังโก่งงอ กระดูกเรียงผิดรูป หรือฟันโยกหลุดง่าย 2. ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน 3. ป้องกันการปวดเกร็งในช่องท้องในผู้หญิงระหว่างมีประจำเดือน 4. ลดอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ และอาการชาตามปลายมือ ปลายเท้า 5. ช่วยให้การเจริญเติบโตในด้านความยาว และความแข็งแรงของเด็กในวัยเจริญเติบโต คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแคลเซี่ยม 1. แคลเซี่ยม จำเป็นต่อการเติบโตของกระดูก และเรื่องของความสูงหรือไม่ ? คำตอบคือ จำเป็นครับเพราะแคลเซี่ยมและฟอสฟอรัสคือ แร่ธาตุหลักของกระดูก " เมื่อมีการขาดแคลเซี่ยมในระยะเติบโต ทำให้แคลเซี่ยมจากกระดูกถูกดึงออกมาใช้ภายนอกเซลล์ เพื่อช่วยในการปรับสภาพอิเลคโตรไลต์ของร่างกายให้สมดุลย์ ปริมาณแคลเซี่ยมในกระดูกจึงยิ่งลดลง มีผลทำให้การเติบโตด้านความสูงของเด็กหยุดชะงักได้ " 2. ความสูงขึ้นอยู่กับแคลเซียมเท่านั้นหรือ ? คำตอบคือ ไม่ใช่ครับแคลเซี่ยมจำเป็นต่อกระดูกเหมือนแสงแดดจำเป็นต่อต้นไม้ แต่ต้นไม้ไม่ได้ต้องการแสงแดด เพียงอย่างเดียวครับ ต้นไม้ต้องการ ปุ๋ย ดิน น้ำ ด้วย ปัจจัยที่ช่วยให้สูงได้ไม่ใช่แคลเซียมอย่างเดียว มีหลายอย่างที่สำคัญ มีดังนี้ 2.1 อายุ - เด็กสาว จะหยุดสูงเมื่ออายุกระดูก 16 ปีโดยประมาณ หลังจากมีประจำเดือนแล้ว 3 ปี (โดยปกติเด็กสาวจะมีเต้านมก่อน จากนั้นอีกประมาณ 2 ปีจึงจะมีประจำเดือน) ในกรณีที่เด็กสาวมีประจำเดือนเร็ว อาจสูงได้อีก 5-7 ซ.ม. และหยุดสูง หลังจากมีประจำเดือนแล้วประมาณ 3 ปี - เด็กชาย มักจะหยุดสูงเมื่ออายุกระดูก 18 ปี คือประมาณ 3 ปี หลังจากเสียงแตก - อย่างไรก็ตาม เมื่อเด็กสาวมีอายุ 16 ปี และเด็กชายมีอายุ 18 ปี อาจจะสูงเพิ่มได้อีกประมาณ 1-2 ซ.ม (Spinal Column Growth) แล้วจะหยุดสูงโดยสิ้นเชิง 2.2 พันธุกรรม ยีนจากพ่อแม่ปู่ย่าตายาย จะมีผลต่อพันธุกรรมความสูงของเด็กความผิดปกติทางโครโมโซมก็มีผลที่ทำให้เด็กตัวเตี้ยได้ 2.3 โภชนาการ การได้รับอาหารที่เหมาะสมทั้งพลังงาน โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ และที่สำคัญเป็นหลักของกระดูกคือ แคลเซี่ยมและฟอสฟอรัสที่เพียงพอ 2.4 การพักผ่อนที่เพียงพอ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 2.5 เด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยความรัก ความอบอุ่นจะเจริญเติบโตได้ดี 3. แคลเซี่ยม ช่วยเร่งให้ร่างกายสูงเร็วจริงหรือ ? คำตอบคือ ไม่ใช่ครับแต่การขาดแคลเซี่ยมที่ผลทำให้ความสูงหยุดชะงักดังกล่าว ควรได้รับแคลเซี่ยมที่เพียงพอ เมื่อประกอบกับปัจจัย อื่นๆ ก็จะช่วยให้ร่างกายสูงเต็มที่มากที่สุด ตามธรรมชาติที่ควรจะเป็นครับ 4. เราต้องการแคลเซี่ยมเท่าใด ? คำตอบคือ ตามมาตรฐานคนไทยกระทรวงสาธารณสุขได้วางข้อกำหนดไว้ ดังนี้
5. จะหาแคลเซี่ยมรับประทานได้จากที่ไหน?
ตัวอย่างอาหารที่มีแคลเซี่ยมสูง (ในส่วนที่กินได้ 100 กรัม) และทานได้ง่ายที่สุดคือ นมสด อาหารจากธรรมชาติที่มีแคลเซี่ยมมาก ทานง่าย ได้แก่ นม เนย กุ้งแห้ง กะปิ ปลาร้า งาดำ ถั่วแดงหลวง ใบมะกรูด เราสามารถจะประมาณปริมาณแคลเซี่ยมที่ทานได้จากหลากหลายแห่ง ที่สำคัญคือต้องทานทุกวัน วันละมาก ๆ พอ 6. คนไทยได้แคลเซี่ยมจากอาหารที่รับประทานอยู่เพียงพอหรือยัง ? แคลเซี่ยมในอาหารที่คนไทยในแต่ละภาคได้รับ (มก. / วัน) ยังมีการวิจัยในคนกรุงเทพ ฯ โดยสุ่มในประชากร 396 คน พบว่า แม้ในคนกรุงเทพ ณ ซึ่งนับว่ามีโภชนาการที่ดีพอสมควร ก็ยังได้รับแคลเซี่ยมเฉลี่ยเพียง 361 มก./วัน โดยมีถึง 67 % ได้รับแคลเซี่ยมน้อยกว่า 400 มก./วัน 31% ได้ แคลเซี่ยมที่ดูดซึมได้ดี เรียกว่ามีค่า Bioavalabilty สูงที่สุดได้แก่ แคลเซี่ยมคาร์บอเนตซึ่งดูดซึมได้ 40 % สิ่งที่จะช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซี่ยมได้แก่ วิตามินดี 3 ซึ่เราอาจจะได้รับจากอาหารและแสงแดด ภาวะเป็นกรดในกระเพาะอาหาร น้ำตาลแลคโตสและกรดแอมมิโนในนม สารที่ลดการดูดซึมแคลเซี่ยม ได้แก่ แอลกอฮอล์ กาแฟ ยาขับปัสสาวะ ยาพวกเตรตร้าไซคลิน ยอลดกรดในอาหาร นอกจากนี้กรดออกซาลิก และกรดไฟติคในพืชผัก สามารถจับแคลเซี่ยม และ ลดการดูดซึมได้ กรดไฟติคจะอยู่ในรูปของเกลือไฟเตท ซึ่งสามารถจะจับกับแร่ธาตุได้ ที่มีการศึกษา อาหารที่มีไฟเตทมากดังกล่าว ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวเหนียวดำ ลูกเดือย เมล็ดแตงโมแห้ง งาดำ งาขาว ถั่วเหลือง เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วเขียว 7. ถ้าได้รับแคลเซียมไม่พอ จะเกิดอะไรขึ้น ? 8. โรคกระดูกพรุน คืออะไร ? อาหารที่ไม่ควรบริโภค 9. รับประทานแคลเซี่ยมมาก ๆ นาน ๆ จะอันตรายหรือไม่ ? การได้รับแคลเซี่ยมในปริมาณน้อยกว่า 2000 มก. ถือว่าปลอดภัย สำหรับวัยรุ่นและผู้ใหญ่ทั่วไป ถ้าในปริมาณที่มากกว่า 2000 มก./วัน ถือว่าไม่ปลอดภัย และอาจเป็นอันตรายได้ ถ้าได้รับเช่นนี้ต่อเนื่องหลายๆวัน ติดๆกัน โดยจะทำให้ท้องผูกและอาจทำให้เป็นนิ่วในไตหรือในระบบปัสสาวะได้ |
วันเสาร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2551
แคลเซี่ยมเสริมสุขภาพ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟัน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น