ชื่ออังกฤษคือ Holy mushroom แปลว่าเห็ดศักดิสิทธิ์หรือ Lacquered mushroom แปลว่าเห็ดที่มีผิวเหมือนทาแลคเกอร์ ในประเทศจีน เรียกเห็ดนี้ว่า Ling zhi ส่วนในญี่ปุ่น เรียกว่า Reishi เห็ดหลินจือในธรรมชาติอาจขึ้นได้ ในป่าเขตอบอุ่น และเขตร้อน โดยอาจพบขึ้นกับต้นไม้ประเภท คูน ก้ามปู หางนกยูงฝรั่ง ยางนา ยางพารา มักจะขึ้นอยู่กับขอนไม้ที่ตายแล้ว บางครั้งพบเป็น พาราสิตของรากพืชก็ได้ จากการเพาะเห็ดจากเชื้อเห็ดในอุณหภูมิธรรมชาติในฤดูฝน เห็ดจะโตเป็นเส้นใยในเวลาประมาณ 2-3 สับดาห์ จากนั้นรอสักระยะหนึ่ง ในเวลาประมาณ 7-10 วัน เห็ดจะเริ่มโผล่ก้านออกมา และอีก 3 สัปดาห์จึงจะพัฒนาเต็มที่ เห็ดหลินจือเป็นเห็ดที่ใต้หมวกจะไม่มีครีบ แต่มีรูเล็กเป็นจำนวนมาก ในรูเหล่านี้จะมีสปอร์ของเห็ดมากมาย ด้านบนของหมวกจะมีสีน้ำตาลแดง ไปจนถึงสีน้ำตาลม่วงและดำ ผิวหมวกจะมีลักษณะเป็นมันเงาเหมือนเคลือบด้วยแลคเกอร์ มีก้านสั้นแต่ถ้าขึ้นจากโคนต้นไม้อาจไม่มีก้าน เมื่อเกิดใหม่ดอกเห็ดจะมีลักษณะเป็นแท่ง จากยอดโคนลงมาเป็นสีขาว เหลือง และน้ำตาล ต่อมาส่วนบนจะเจริญแผ่กว้างออกมาเป็นหมวกมีลักษณะคล้ายพัด และอาจมีรูปร่างคล้ายถั่วแดงหรือไต ดอกเห็ดที่สมบูรณ์จะมีสีน้ำตาลแดง สปอร์มีสีน้ำตาล รสขม รูปร่างรี ปลายด้านหนึ่งตัด ผนังหนา 2 ชั้น ชั้นนอกเรียบ ชั้นในยื่นคล้ายหนาม ดอกเห็ดแก่ขอบหมวกจะงุ้มลง สีเห็ดเข้มขึ้น และอาจมีดอกใหม่งอกซ้อนได้
บทบาทของเห็ดหลินจือ ( อ้างอิงที่1 ) เห็ดหลินจือเป็นเห็ดที่ชาวจีนมีความเชื่อว่ามีสรรพคุณทางยามานานนับพันปีแล้ว ถือเป็นเห็ดที่มีค่าและราคาแพง ในธรรมชาติมีได้แต่น้อยมาก สารเคมีที่พบในเห็ดหลินจือ มีมากมายหลายชนิด เมื่อวิเคราะห์ ในสารสำคัญ ของเห็ดหลินจือพบว่า มีสรรพคุณทางการแพทย์ที่สำคัญหลายอย่างได้แก่
1. ฤทธิต้านมะเร็ง แท้ที่จริงแล้วมีเห็ดมากกว่า 200 ชนิดที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งหลายชนิด ( อ้างอิงที่2 ) มีรายงานว่าสารสกัดจากเห็ดหลินจือและกระเที่ยม มีฤทธิ์ ยับยั้ง เอนไซม์บางอย่างที่จะช่วยในเรื่องการต้านมะเร็ง สำหรับเห็ดหลินจือ คือ Inhibition of Farnesyl protein transferase ( อ้างอิงที่ 3 ) นอกจากนี้สารสกัดจากเห็ดหลินจืออาจช่วยต้านมะเร็งโดยการเพิ่มสารทำลายมะเร็งจากเม็ดเลือดขาว ได้แก่สาร interleukin ( IL ) 1 beta, tumor necrosis factor ( TNF ) alpha, IL 6 และ interferon ( IFN ) gamma จากการทดลองในจานเพาะเลี้ยง พบว่าเม็ดเลือดขาว ชนิด macrophage เมื่อได้รับสารสกัด Polysaccharide จากเห็ดหลินจือ จะเพิ่มการสร้างสารเคมีดังกล่าว ตั้งแต่ 5 - 29 เท่า โดยหลักการจึงน่าจะดีต่อโรคมะเร็ง ( อ้างอิงที่ 4 ) นอกจากนี้ ยังพบสาร เบต้า ดี กลูแคน ( B- D- glucan ) ซึ่งเป็นสารพวกโพลีแซคคาไรด์ชนิดหนึ่ง พบได้ในเห็ดหลายชนิด รวมทั้งเห็ดหลินจือ และเห็ดหอม มีฤทธ์ต้านมะเร็ง จากการแยกสกัดและนำมาทดลองกับเซลล์มะเร็งโดยตรง ( อ้างอิงที่ 1 )
2. ลดความดันโลหิต สาร ประเภทไตรเทอร์ปีน มีหลายชนิด เช่นกรด กาโนเดอร์นิค ( Ganodernic acid ) มีฤทธิ์ลดความดันโลหิตได้ โดยมีการทดลองในหนูและกรต่าย (อ้างอิงที่ 5, 6 )
3. ยับยั้งโรคเอดส์ สาร ประเภทไตรเทอร์ปีน ที่น่าสนใจอีกอย่าง ชื่อว่า lucidumol A, และ ganoderic acid ทั้ง alpha และbeta และสารอีกหลายชนิด มีฤทธิยับยั้งไวรัส โรคเอดส์ ( Anti HIV 1 )( อ้างอิงที่ 7, 8 ) ได้ อย่างไรก็ตาม การทดลองในคนไข้จริงยังไม่พบผลดีที่ชัดเจนในคนไข้โรคเอดส์ (อ้างอิงที่ 9 ) แต่สารสกัดจากเห็ดหลินจือก็ยังมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อไวรัสประเภทอื่นไดั้อีก เช่น ชนิดที่ก่อให้เกิดโรคในตระกของงูสวัด และอีสุกอีใส (type 1 (HSV-1) and type 2 (HSV-2)) โดยทดลองกับ Verocell ที่ติดเชื้อไวรัสนี้ ( อ้างอิงที่ 18 )
4. ลดน้ำตาลในเลือด สารกลุ่ม กลัยแคน ( Glycan ) เช่น กาโนเดอร์แลน ( Ganoderan A, B,C ) มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ( อ้างอิงที่ 10,11 )
5. ฤทธิ์ยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกร็ดเลือด ในเห็ดหลินจือมีสารอะดีโนซีน ( Adenosine ) ซึ่งยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกร็ดเลือดได้และผลด้านนี้เด่นชัดโดยมีการทดลองในคนจริงๆแล้ว ซึ่งจะขอกล่าวทีหลัง ( อ้างอิงที่ 12 )
6. อาจช่วยบำรุงตับ ฤทธิ์ทางด้านการจับอนุมูลอิสระ ( Free Radical Scavenger ) ซึ่งมีผลต่อการลดความเป็นพิษจากสารพิษได้บ้าง โดยปกติ ตับจะเป็นอวัยวะที่ทำลายสารพิษ และต้องเจอสารพิษเป็นประจำ จากการวิจัยพบว่า น้ำคั้นจากเห็ดหลินจือ ทั้งชนิด Ganoderma lucidum , Gaonderma formosanum, Ganoderma neojaponicum ลดความเป็นพิษของสารคาร์บอนเตตระคลอไรด์ ต่อตับหนูได้ ( อ้างอิงที่ 13 ) นอกจากนี้ ฤทธิ beta glucoronidase inhibitory activity ของสารสกัดเห็ดหลินจือ และ สารโพลีแซคคาไรด์ บางชนิดคือ Pentoxyfylline, Glycyrrhizin ยังมีฤทธิยับยั้งการสร้างพังผืด ( fibrous tissue ) ในตับได้ จึงอาจช่วยเรื่องตับแข็งได้ แต่การทดลองนี้อยู่ในขั้นหนูทดลองเท่านั้น (อ้างอิงที่ 14, 15 )
7. ผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน สารกลุ่มโปรตีนเช่น Ling zhi ( LZ-8 ) พบว่ามีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย โดยสามารถทั้งเพิ่มการแบ่งตัว ( mitogenic ) ต่อเซลล์ม้ามของหนู แต่กลับลดการสร้างภูมิต้านทาน ซึ่งทำให้โรคเบาหวานบางชนิดของหนูลดลง ( autoimmune diabetes ) และทำให้การปลูกถ่ายผิวหนังหนูสำเร็จในระยะเวลาที่นานขึ้น (อ้างอิงที่ 16 ) ตรงประเด็นนี้ มีความหลากหลายในเนื้อหามาก และยังไม่อาจสรุปได้ชัดเจนว่ามีส่วนช่วยต้านทานโรคใด ๆ บ้าง
การวิจัยที่ได้กระทำในผู้ป่วยจริง การทดลองในคนจริงที่ได้รับประทานเห็ดหลินจือที่มีบันทึกไว้ชัดเจนมีไม่มากนัก รายงานแรกในปี 1998 จากญี่ปุ่นว่า การได้รับสารสกัดเห็ดหลินจือ 36 -72 กรัม ด้วยน้ำร้อน สามารถลดอาการปวดของโรคงูสวัด ได้ ในผู้ป่วย 4 ราย โดย 2 รายเป็นอาการปวดในปัจจุบัน ที่ดีขึ้น และ 2 รายเป็นการปวดจากแผลเป็นเก่า ( อ้างอิงที่ 17 )
รายงานถัดมาเป็นการวัดการแข็งตัวของเกร็ดเลือด ในผู้ป่วยที่มีโรคเส้นเลือดแข็ง ( Atherosclerosis ) จำนวน 33 คน โดยทานเห็ดหลินจือ 1 กรัม 3 เวลา เป็นเวลา 2 อาทิตย์ และทดสอบการจับตัวของเกร็ดเลือด ( Platelet aggregation ) เมื่อกระตุ้น ด้วยสาร ADP พบว่าการจับตัวของเกร็ดเลือดน้อยลงโดยหลักการจึงน่าจะดีในโรคที่มีเส้นเลือดอุดตัน หรือโรคหัวใจขาดเลือด (อ้างอิงที่ 12 )
รายงานถัดมาทำในประเทศไทย โดยอาจารย์ นพ. ประพันธ์ ภานุภาค คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ โดยทดลองให้ผงเห็ดหลินจือ Ganoderma lucidum จาก ญี่ปุ่น ในคนไข้โรคเอดส์ ระยะที่มีอาการแล้ว 10 คน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าคนไข้ทุกคนสามารถรับยาได้เป็นอย่างดี แต่ไม่พบผลดีใดๆเกิดขึ้นทั้งอาการทางคลีนิค จำนวนไวรัส และค่าเม็ดเลือดขาว CD4 ซึ่งผู้วิจัยอธิบายว่าที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะว่าสารที่ออกฤทธิต่อไวรัส ในตัวเห็ด คือ terpenoids และ polysaccharides ตัวอื่น รวมทั้ง beta-D-glucan อาจมีน้อยเกินไป การสกัดให้ได้สารในความเข้มข้นสูงขึ้นจึงอาจมีประโยชน์ที่ดีกว่านี้ ( อ้างอิงที่ 9 )
กล่าวโดยสรุป เห็ดหลินจือมีสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ทางการแพทย์มากมาย สารต่างๆนี้เมื่อมาวิเคราะห์แยกออกมาทดลอง หรือนำน้ำคั้น หรือสารสกัดจากเห็ดหลินจือด้วยอัลกอฮอล์มาทดลองกับเซลล์ต่างๆโดยตรง ต่างก็มีผลดี และยังไม่พบอันตรายใดๆ โดยหลักการแล้วการบริโภคจึงน่าจะเป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตามไม่สามารถกล่าวอ้างได้ว่า จะช่วยรักษาหรือป้องกันโรคอะไรได้อย่างชัดเจนได้ เพราะยังมีการวิจัยที่ได้ผลดังกล่าวน้อยมากในการทดลองจริงในคนไข้ อาจเป็นเพราะ ยังขาดการวิจัยในเรื่องเหล่านี้ หรือ สารที่ทรงคุณค่าเหล่านั้นอาจมีในปริมาณที่น้อยมากๆ หรือมีแต่ถูกทำลายไปในขั้นตอนการเตรียมการผลิต อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานการศึกษาว่าจะรบกวนยาทางการแพทย์สมัยใหม่ และยังไม่มีรายงานว่าจะมีอันตรายใดๆจากการรับประทานนานๆ เห็ดหลินจือจัดเป็นอาหารสุขภาพตัวหนึ่งที่น่าสนใจ และเป็นทางเลือกทางหนึ่งสำหรับผู้บริโภคครับ เอกสารอ้างอิง 1. วันดี กฤษณะพันธ์ รศ. ดร. สมุนไพรน่ารู้ .สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. โรงพิพ์จุฬาลงกรณ์มหวิทยาลัย. พิมพ์ครั้งที่2 2539:228-230 2. Wasser SP. Therapeutic effects of substances occurring in higher basidiomycetes mushrooms: a modern perspective . Crit Rev Immunol 1999; 19: 65-96. 3. Lee S. Natural inhibitors for protein prenyltransferase. Planta Med 1998; 64: 303-308. 4. Wang SY. The anti-tumor effect of Ganoderma lucidum is mediated by cytokines released from activated macrophages and T lymphocytes. Int J Cancer 1997; 70: 699-705. 5. Kabir Y. Dietary effect of Ganoderma lucidum mushroom on blood pressure and lipid levels in spontaneously hypertensive rats (SHR). J Nutr Sci Vitaminol (Tokyo) 1988; 34: 433-438. 6. Lee SY. Cardiovascular effects of mycelium extract of Ganoderma lucidum: inhibition of sympathetic outflow as a mechanism of its hypotensive action. Chem Pharm Bull (Tokyo) 1990; 38: 1359-1364. 7. el-Mekkawy S. Anti-HIV-1 and anti-HIV-1-protease substances from Ganoderma lucidum. Phytochemistry 1998; 49: 1651-1657. 8. Min BS. Triterpenes from the spores of Ganoderma lucidum and their inhibitory activity against HIV-1 protease. Chem Pharm Bull (Tokyo) 1998; 46: 1607-1612. 9. Praphan Phanuphak .Clinical Study of Micronized Reishi Mushroom in Thai HIV Patients. Faculty of Medicine, Chulalongkorn University, Thailand 10. Hikino H. Mechanisms of hypoglycemic activity of ganoderan B: a glycan of Ganoderma lucidum fruit bodies. Planta Med 1989; 55: 423-428. 11. Hikino H. Hypoglycemic actions of some heteroglycans of Ganoderma lucidum fruit bodies. Planta Med 1989; 55: 385 12. Tao J. Experimental and clinical studies on inhibitory effect of ganoderma lucidum on platelet aggregation. J Tongji Med Univ 1990; 10: 240-243. 13. Lin JM. Radical scavenger and antihepatotoxic activity of Ganoderma formosanum, Ganoderma lucidum and Ganoderma neo-japonicum. J Ethnopharmacol 1995; 47: 33-41. 14. Park EJ. Antifibrotic effects of a polysaccharide extracted from Ganoderma lucidum, glycyrrhizin, and pentoxifylline in rats with cirrhosis induced by biliary obstruction [published erratum appears in Biol Pharm Bull 1998 Jun;21(6):649]. Biol Pharm Bull 1997; 20: 417-420. 15. Kim DH. Beta-glucuronidase-inhibitory activity and hepatoprotective effect of Ganoderma lucidum . Biol Pharm Bull 1999; 22: 162-164. 16. van der Hem LG. Ling Zhi-8: studies of a new immunomodulating agent. Transplantation 1995; 60: 438-443. 17. Hijikata Y. Effect of Ganoderma lucidum on postherpetic neuralgia . Am J Chin Med 1998; 26: 375-381. 18. Kim Y. Antiherpetic activities of acidic protein bound polysacchride isolated from ganoderma lucidum alone and in combinations with interferons. J Ethnopharmacol 2000 Oct;72(3):451-8 2001;72(3):451-8. |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น